เรื่องของหนู
หนูเป็นสัตว์ที่ขยายพันธุ์ได้เร็วเกือบตลอดปี ปกติหนูจะโตเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 2 – 3 เดือนขึ้นไป ระยะเป็นสัด (estrus cycle) ในหนูเพศเสียประมาณ 4 – 8 วัน และยอมรับการผสมพันธุ์จากหนูเพศผู้เฉพาะช่วงที่มันเป็นวัดเท่านั้น เพศเสียตั้งท้องนาน 21 – 25 วัน และออกลูกครอกละหลายตัว หลังคลอดลูกแล้ว 24 ชั่วโมงแม่หนูสามารถรับการผสมพันธุ์ได้ทันที ในปีหนึ่งๆ หนูจะออกลูกได้หลายครอกซึ่งมีผู้คำนวณว่าในเวลา 1 ปี หนู 1 คู่ สามารถขยายพันธุ์รวมกันได้มากกว่า 1,000 ตัว
ชีววิทยาของหนู
หนูเป็นสัตว์ที่ขยายพันธุ์ได้เร็วเกือบตลอดปี
หนูโตเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 2-3 เดือน
เพศเมียตั้งท้องนาน 21-25 วัน
ออกลูกครอกละหลายตัว
หลังคลอดลูกแล้ว 24 ชั่วโมง แม่หนูสามารถรับการผสมพันธุ์ได้ทันที
ในปีหนึ่งๆหนูจะออกลูกได้หลายครอก
อุปนิสัยและความสามารถของหนู
1. หนูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 4 เท้าที่มีขนาดเล็ก มีความหลากหลายในเรื่องอาหาร จึงทำให้พบกระจายเกือบทั่วโลก
2. หนูมีฟันแทะ 2 คู่ คือที่กรามบน 1 คู่และกรามล่าง 1 คู่ ทำให้มีนิสัยการกินแบบกัดแทะ ฟันคู่หน้าของหนูมีลักษณะแข็งพอเหมาะและสามารถงอกยื่นยาวออกไปได้เรื่อยๆ ตลอดชีวิต ประมาณปีละ 5 นิ้ว โดยทั่วไปหนูจะเริ่มแทะเป็นตั้งแต่มีอายุได้ประมาณ 2 สัปดาห์
3. หนูมีประสาทสัมผัสและรับความรู้สึกที่ดีมาก
4. หนูสามารถส่งเสียงและรับฟังเสียงที่มีความถี่สูงถึง 45 Khz หรือ Ultrasound ในการสื่อสารเรื่องตำแหน่งแหล่งอาหารหรืออันตรายได้ในระยะไกลๆ
5. การมองเห็นภาพต่างๆของหนูไม่ดีนัก ทำให้มองเห็นภาพเป็นสีขาวดำ
ประสาทสัมผัสและการรับรู้ของหนู
หนูเป็นสัตว์ที่ตาบอดสี การเคลื่อนที่จึงต้องใช้ประสาทรับความรู้สึกอย่างอื่นช่วย
หนวด ใช้ครูดไปข้างฝา
ขนใต้ท้อง ใช้ถูไปบนวัสดุ
อุ้งเท้า
จมูก
ลิ้นชิมรส
หู สามารถรับคลื่นความถี่ได้สูงมาก
6. หนูสามารถกระโดดได้สูงถึง 36 นิ้ว (1เมตร) และกระโดดได้ไกลถึง 48 นิ้ว (1.2 เมตร) จากพื้นที่ราบและสามารถกระโดดจากพื้นที่สูง 15-50 ฟุต (5-15เมตร) ลงสู่พื้นล่างได้อย่างปลอดภัย และได้ไกลอย่างน้อย 8 ฟุต (ประมาณ 2 เมตร)
7. หนูมีหางใช้บังคับทิศทางและการทรงตัว จึงทำให้ปีนป่ายในแนวดิ่ง ได้ดีหรือเดินไต่ลวดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.6 มิลลิเมตร ได้เป็นระยะทางหลายเมตร
8.หนูสามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้เป็นอย่างดี เป็นระยะทางไกล 600- 1,000 เมตร และได้นาน 3-4 ชั่วโมง
หนู 4 ชนิดที่เป็นปัญหาสาธารณสุขและรบกวน
หนูนอร์เวย์ (Rattus norvegicus)
หนูท้องขาว (Rattus rattus)
หนูจี๊ด (Rattus exulans)
หนูหริ่ง (Mus musculus
1.หนูนอร์เวย์ (Rattus norvegicus)
บางที่เรียกหนูขยะ หนูท่อ หนูสีน้ำตาล หนูชนิดนี้เป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูล
ลักษณะรูปร่าง ลักษณะขนหยาบมีสีน้ำตาลปนเทา ท้องสีเทา ส่วนจมูกทู่ ใบหูเล็ก ตาเล็ก หางสั้นมี 2 สี ด้านบนสีดำ ด้านล่างสีจาง มีเกล็ดหยาบๆ ที่หาง และด้านบนของตีนหลังมีสีขาว มีเต้านมรวม 6 คู่ อยู่ที่อก 3 คู่ ท้อง 3 คู่
ถิ่นที่อยู่อาศัย มักอยู่ตามรู ตามท่อระบายน้ำโสโครก ท่อน้ำ ใต้ถุนตึกหรือบ้านเรือน บริเวณลำคลอง กองขยะมูลฝอย ไม่ชอบขึ้นที่สูง กินอาหารบูดเน่า พวกแป้ง ผัก เนื้อ และปลา
การแพร่พันธุ์ ออกลูกปีละ 4 – 7 ครอก ลูกหนึ่งครอกมีจำนวน 8 –12 ตัว
ระยะทางการหากิน 100 – 150 ฟุต
ลักษณะมูลหนู มีขนาดใหญ่คล้ายแคปซูลยาวประมาณ 3-4 นิ้ว
2.หนูท้องขาวบ้าน (Rattus rattus)
หรือ หนูหลังคา หนูเรือ และหนูบ้านเป็นต้นบางที่เรียกหนูขยะ หนูท่อ หนูสีน้ำตาล หนูชนิดนี้เป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูล
ลักษณะรูปร่าง ลักษณะขนหยาบมีสีน้ำตาลปนเทา ท้องสีเทา ส่วนจมูกทู่ ใบหูเล็ก ตาเล็ก หางสั้นมี 2 สี ด้านบนสีดำ ด้านล่างสีจาง มีเกล็ดหยาบๆ ที่หาง และด้านบนของตีนหลังมีสีขาว มีเต้านมรวม 6 คู่ อยู่ที่อก 3 คู่ ท้อง 3 คู่
ถิ่นที่อยู่อาศัย มักอยู่ตามรู ตามท่อระบายน้ำโสโครก ท่อน้ำ ใต้ถุนตึกหรือบ้านเรือน บริเวณลำคลอง กองขยะมูลฝอย ไม่ชอบขึ้นที่สูง กินอาหารบูดเน่า พวกแป้ง ผัก เนื้อ และปลา
การแพร่พันธุ์ ออกลูกปีละ 4 – 7 ครอก ลูกหนึ่งครอกมีจำนวน 8 –12 ตัว
ระยะทางการหากิน 100 – 150 ฟุต
ลักษณะมูลหนู มีขนาดใหญ่คล้ายแคปซูลยาวประมาณ 3-4 นิ้ว
3.หนูจี๊ด(Rattus exulans)
ลักษณะรูปร่าง หนูชนิดนี้มีความหลากหลายในเรื่องของสีสันขึ้นอยู่กับภูมิประเทศที่พบ หางดำตลอดและมีเกร็ดละเอียด เล็กๆ และยาวกว่าความยาวหัวรวมลำตัว จมูกแหลมจึงทำให้ส่วนใบหน้าค่อนข้าง แหลม ใบหูใหญ่ ตาโต ปีนป่ายเก่งมาก
ถิ่นที่อยู่ พบทั่วประเทศ ตามเพดานของบ้านเรือนและอาคารต่างๆ ยุ้งฉาง นาข้าว ในสวนผลไม้ มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ปกติไม่ชอบขุดรูอาศัยในดิน มักอาศัยอยู่บนต้นไม้ หรือบนที่สูง หรือใต้หลังคา ในห้องต่างๆ ของอาคาร
แหล่งอาศัยชอบอาศัยอยู่ในที่แห้งและสูง เช่น ใต้หลังคาบ้านหรือตามขื่อแปของโรงเก็บอาหารสำเร็จรูปต่างๆ บนต้นไม้ เป็นต้น
ลักษณะรูปร่าง เป็นหนูที่มีขนาดเล็กที่สุดในสกุล ตาโต ใบหูใหญ่ หางยาวกว่าหัวและลำตัวมาก มีสีเดียวตลอด ขนด้านหลังมีสีน้ำตาลแก่ ขนด้านท้องสีเทา
ที่อยู่อาศัย ชอบอาศัยในที่แห้งตามบ้านเรือนโดยเฉพาะ ในห้องครัว ในห้องเก็บของ ในตู้ ลิ้นชัก และยุ้งฉางทั่วประเทศ อาจพบทำลายพืชผลไม้ในไร่นา ไร่สวนบ้าง ในหมู่บ้านที่ติดกับพื้นที่ทำการเกษตร เช่นเดียวกับหนูนอรเว หนูชนิดนี้กินอาหารได้เกือบทุกประเภท
4.หนูหริ่ง (Mus musculus)
หรือบางครั้งเรียกว่า house mouse เป็นหนูในตระกูล Mus ชนิดที่พบเห็นตามบ้านเรือนมาก เป็นหนูบ้านที่มีขนาดเล็กที่สุด
ลักษณะรูปร่าง จมูกแหลม ขนด้านหลังสีเทาบางทีมีสีน้ำตาลปน มีลักษณะอ่อนนุ่ม ขนด้านท้องสีขาว ส่วนหางมี 2 สีด้านบนสีดำ ส่วนด้านล่างสีจางกว่า
ถิ่นที่อยู่อาศัย ตามบ้านเรือน มักชอบหลบซ่อนตัวอยู่ตามตู้ โต๊ะ ที่เก็บของ ตามช่อง ฝาผนัง ตามครัว กินอาหารได้ทุกชนิด แต่ชอบพวกเมล็ดพืช ข้าว
การแพร่พันธุ์ ออกลูกปีละประมาณ 8 ครอก ลูกหนึ่งครอกมีจำนวน 5 – 6 ตัว
ระยะทางการหากิน 10 – 30 ฟุต
ลักษณะมูลหนู ขนาดเล็กกลมยาวปลายแหลมยาวประมาณ 1/8 นิ้ว
วิธีป้องกันกำจัดหนู
1.โดยวิธีกล เช่น ใช้กับดัก กรงดัก กาวดัก เป็นต้น
2.โดยใช้สารเคมี
สารกำจัดหนูชนิดออกฤทธิ์เร็ว
สารกำจัดหนูชนิดออกฤทธิ์ช้า เป็นสารที่หนูจะต้องกินติดต่อกันช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือกินครั้งเดียว และสะสมพิษในร่างกายถึงปริมาณเพียงพอที่จะออกฤทธิ์ทำให้หนูตายโดยเกิดอาการเลือดไม่แข็งตัว (Anticoagulant) เลือดจะออกทางช่องเปิดของร่างกาย ตามบาดแผล เลือดคั่งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายและถึงตายในที่สุดภายในระยะเวลา 3-15 วัน เป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูปที่มีอัตราความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ ตั้งแต่ 0.0025% – 0.005%
3.การควบคุมโดยวิธีการสุขาภิบาลและสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม
โดยใช้หลัก 5 ส.(สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย)